มาทำความรู้จักกับ SIP Trunk กันเถอะครับ
จากประสบการณ์การทำ VoIP ของผม การเชื่อมต่อแบบ SIP Trunk มีรูปแบบดังต่อไปนี้ครับ
1. แบบที่เช็ค IP Address หรือ IP Authentication
การเชื่อมต่อ SIP Trunk แบบนี้ปกติจะใช้กับองค์กรครับที่มีปริมาณการโทรออกค่อนข้างมาก หรือใช้เชื่อมต่อระหว่าง Elastix กับ Elastix ก็ได้ครับ โดยเมื่อเราส่งคอลออกไป เซอร์เวอร์ตัวที่เราส่งคอลไปหาจะเช็คไอพีแอดเดรส ถ้าเป็นไอพีแอดเดรสของเซอร์เวอร์เราเขาก็จะยอมรับคอลเข้าไปถ้าไม่เขาก็จะปฏิเสธ
จากตัวอย่างในรูป เราเชื่อมต่อ Elastix แบบ SIP กับผู้ให้บริการรายหนึ่ง และผู้ให้บริการรายนี้ยอมรับการเชื่อมต่อแบบเดียวคือ IP Authentication เราก็แจ้งไอพีแอดเดรสและ/หรือหมายเลขพอร์ตของ Elastix ของเราให้เขารู้ เขาก็จะนำข้อมูลนี้ไปคอนฟิกไว้ที่เซอร์เวอร์ของเขา เมื่อเราส่งคอลเข้าไปเขาก็จะเช็คถ้าพบว่ามาจากไอพีของเราเขาก็จะยอมรับคอลแต่ถ้าไม่เขาก็จะปฏิเสธ
นอกจากเราต้องบอกข้อมูล IP Address, SIP Port ให้เขารู้ เขาก็ต้องบอกข้อมูลเกี่ยวกับเซอร์เวอร์ของเขาให้เรารู้ด้วยนะครับ เช่น IP Address, SIP Port, Codecs และ/หรือ Prefix (อ่านว่าพรีฟิกซ์ - ตัวเลขที่เติมไปข้างหน้าเบอร์) แล้วเราก็เอาข้อมูลเหล่านี้มาคอนฟิกใส่ใน Elastix ของเรา (คอนฟิกที่ Trunks)
การเชื่อมต่อแบบ SIP ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อระหว่าง Server-Client หรือ Server-Server จะมีการรักษาความปลอดภัยเสมอครับ อย่างเช่นกรณีนี้มีการรักษาความปลอดภัยโดยการตรวจเช็คไอพีแอดเดรส ดังนั้นบางครั้งเราก็เรียกการเชื่อมต่อแบบนี้ว่า "IP Authentication"
2. แบบที่เช็ค Account ได้แก่ Username/Password
เคยใช้งาน True NetTalk ของ True หรือ TOT Netcall ของ TOT หรือ Cat2Call+ ของ CAT หรือ EasyTalk ของ EasySIP หรือเปล่าครับ ซึ่งบริการ VoIP ของผู้ให้บริการเหล่านี้เขาจะให้แอ๊คเค๊าท์ที่ประกอบไปด้วย Username และ Password แก่เรา เราก็เอาแอ็คเค๊าท์ที่ได้มาไปคอนฟิกใส่ Softphone หรือ VoIP Gateway หรือ ATA
Elastix ก็รองรับการเชื่อมต่อ SIP Trunk แบบนี้ด้วยนะครับ โดยมันจะจำลองตัวมันเองเป็น SIP Client ไปรีจิสเตอร์กับ SIP Server เราก็แค่เอาแอ๊คเค๊าท์ที่มีคอนฟิกใส่ Elastix ให้มันไปรีจิสเตอร์ก็พร้อมที่จะโทรแล้ว
การเซ็ตอัพ SIP Trunk ผู้ให้บริการจะไม่ตรวจสอบไอพีแอดเดรสของเครื่องเซอร์เวอร์เราครับ ดังนั้นเราจะโทรมาจากไอพีอะไรก็ได้ ขอให้แอ๊คเค๊าท์ถูกต้องเป็นใช้ได้ก็โทรได้แล้ว แต่อย่างไรก็ตามเราก็ยังต้องคอนฟิกรายละเอียดของเซอร์เวอร์ของผู้ให้บริการให้ Elastix รู้ด้วยนะครับ เช่น IP Address, SIP Port, Codecs, Prefix เป็นต้น
ถ้าต้องการรู้ข้อมูลเช่น IP Address, SIP Port, Codecs, Prefix ให้สอบถามโดยตรงจากผู้ให้บริการครับ โดยบอกเขาไปว่าจะเอามาคอนฟิกใส่ VoIP Gateway (บางทีบอกตรงเกินไปก็อาจจะไม่ได้ข้อมูล )