วิธีการติดตั้ง Issabel บน CentOS 7
เทคนิคการคอนฟิก Firewall เมื่อเปลี่ยนพอร์ต Web (http/https)
เทคนิคการคอนฟิก Firewall ให้เปิดรับบาง Port จากบาง IP
ผมดาวน์โหลด Elastix แล้วลองติดตั้งดู ขั้นตอนการติดตั้งส่วนใหญ่ก็จะคล้ายๆเดิมครับ มีเพิ่มเติมขึ้นมาก็ตรงที่
- ให้เราเซ็ต IP address, Subnet mask, Default gateway, DNS Server ได้
- เซ็ต Hostname ได้
- เลือก Package ที่จะติดตั้งเพิ่มเติมได้ (อันนี้คุ้นๆอ่ะครับว่าน่าจะมีมาตั้งแต่เวอร์ชั่น 1.5 หรือ 1.6 แล้ว)
- เซ็ต Password ของ Root ใน MySQL ได้
- เซ็ต Password ของ admin ใน Elastix ได้ อย่างเช่นตอนล๊อกอินเข้า Web Interface
ต่อไปนี้จะเป็นขั้นตอนติดตั้ง Elastix 2.0 นะครับ
1. ใส่แผ่นเข้าไปในไดร์ฟ CD แล้วก็รีสตาร์ทเครื่อง ถ้าเซ็ตที่ BIOS ให้บู๊ตจากไดร์ฟ CD ด้วย เครื่องจะบู๊ตจากแผ่นแล้วก็จะเห็นหน้าจอแบบนี้ครับ
2. กด Enter หรือปล่อยไว้สักพัก ก็จะเริ่มติดตั้ง มีให้เลือกภาษาที่ใช้ในตอนติดตั้ง ถนัดภาษาไทยก็เลือกภาษานั้นครับ
3. เลือกภาษาบนคีย์บอร์ด ใช้ดีฟอลท์คือ "us" ครับ
4.เลือกพาร์ติชั่นฮาร์ดดิสก์ที่จะติดตั้ง แนะนำให้เลือกออปชั่นแรกครับ "Remove all partitions on selected..." จากนั้นกด Tab ไปที่ "OK" แล้วกด Enter
5. โปรแกรมจะเตือนว่าข้อมูลในพาร์ติชั่นที่เลือกจะถูกฟอร์แม๊ต
กด Tab เลื่อนไปที่ "Yes" แล้วกด Enter
6. ต้องการดูการแบ่งพาร์ติชั่นบนฮาร์ดดิสก์หรือไม่ ถ้าไม่ต้องการดูให้ กด Tab ไปที่ "No" แล้วกด Enter
7. โปรแกรมจะถามว่าต้องการคอนฟิกพอร์ต Ethernet 0 หรือไม่ คอนฟิก IP, Subnet, Gateway และ DNS
กดปุ่ม Enter
8. เลือกออปชั่นของการ์ด Eternet 0 ครับ เช่น ให้แอ๊คทีฟตอนบู๊ตหรือไม่ (ต้องเลือกครับ) และจะใช้ IPv4, IPv6 ด้วยหรือไม่ อย่างน้อยต้องเลือก IPv4 ครับ การเลือกให้กดปุ่ม Tab จนแถบสีอยู่บนออปชั่นที่ต้องการ แก้วกดปุ่ม Spacebar
กด Tab ให้มาอยู่ที่ "Ok" แล้วกด Enter
9. เลือกออปชั่นการคอนฟิก IP Address ในรูปตัวอย่างผมคอนฟิก IP แบบ Static ป้อนค่า IP และ Subnet Mask แล้วกดปุ่ม Enter
10. ป้อนค่า Default gateway, DNS Server
11. ตั้งชื่อเครื่อง Hostname
12. เลือก Timezone ซึ่งจะมีผลต่อเวลาในเครื่อง
13. ตั้ง Password ครับ เป็นพาสเวอร์ดของ Root ที่จะใช้ล๊อกอินเข้า CentOS
14. เลือก Software packages ที่จะติดตั้งเพิ่มเติมครับ (ถ้าต้องการ)
15. โปรแกรมบอกว่าจะเก็บ Log ระหว่างการติดตั้งไว้ที่ /root/install.log
16. ฟอร์แม๊ตฮาร์ดดิสก์
17. เริ่มก๊อปปี้ไฟล์ลงฮาร์ดดิสก์
20. ก๊อปปี้เสร็จแล้วก็รีสตาร์ทเครื่องอัตโนมัติ
21. บู๊ตเครื่องอัตโนมัติ
22. ตั้ง Password ของ MySQL Server (ยูสเซอร์เนมคือ root)
24. ตั้ง Password ของ Web Interface ของ Elastix รวมทั้งโปรแกรมอื่นๆด้วย
26. หน้าล๊อกอิน ล๊อกอินด้วย root และพาสเวอร์ดที่ตั้งในในขั้นตอนที่ 13 ครับ
27. อัพเดทครับ พิมพ์คำสั่ง
- โค้ด: เลือกทั้งหมด
yum -y update
30. อัพเดทเสร็จแล้วก็ต้องรีสตาร์ทครับ พิมพ์คำสั่ง
- โค้ด: เลือกทั้งหมด
reboot
เป็นอันกว่าการติดตั้ง Elatix 2.0 ก็ผ่านไปด้วยดีครับ ล๊อกอินเข้า Web Interface ของ Elastix ได้เลยครับ
อันนี้เป็นหน้าล๊อกอินของเว็บครับ มีเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยตรงสี สวยกว่าเดิมเยอะเลย
อันนี้เป็นหน้า Dashboard ครับ ซึ่งจะปิดก็ได้
โดยรวมแล้วผมว่าสวยและดูดีกว่าเดิม
บทความที่เกี่ยวข้อง
ขั้นตอนการเริ่มต้นใช้งาน Elastix
วิธีการติดตั้ง Elastix เวอร์ชั่น 1.6
วิธีการติดตั้ง Elastix แบบแบ่งพาร์ติชั่น
เทคนิคการทำ Elastix Cluster