VoIP Community of Thailand - เว็บบอร์ด VoIP Issabel, Elastix Asterisk FreePBX IPPhone VoIP Gateway Call Center IPPBX ของไทย โดยคนไทย เพื่อคนไทย

ต้องบอกว่า Codec ที่มีมากับ Elastix (หรือถ้าจะเรียกให้ถูก ต้องเรียกว่า Codec ที่ติดตั้งมาพร้อมๆกับ Asterisk) ไม่ค่อยจะเหมาะต่อการนำไปใช้งานเท่าไหร่ครับโดยเฉพาะตอนที่ใช้งานผ่าน Internet หรือไม่ก็ต้องเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการหรือให้บริการลูกค้าในเชิงพานิชย์ เรามาติดตั้ง Codec G.723.1 แล้วก็ G.729 กันดีกว่า ของฟรีด้วยครับ เมื่อติดตั้งทั้งสองโคเด็คนี้แล้ว ก็จะใช้ G.723.1 และ G.729 ได้ทั้งแบบ Transparent และ Transcode ครับ ใช้งานก็เยี่ยมเลย เงินก็ไม่ต้องเสีย ตามผมมาเลย

** หลายๆท่านโดยเฉพาะท่านที่เพิ่งเข้ามาสู่วงการ VoIP หรือ Asterisk ใหม่ๆ อาจจะเคยได้ยินคำว่า G.729 License มาบ้าง ไม่ต้องห่วงนะครับว่าทำตามบทความต่อไปนี้แล้ว ท่านจะกลายเป็นคนที่ใช้งาน G.723, G.729 อย่างไม่ถูกต้อง สบายใจได้ครับ ไม่ต้องจ่ายเงินค่า License ให้ใคร เพราะ Codec ที่เรากำลังจะติดตั้งนี้ มันเป็น Open source และมีคนใจดีเอามาคอมไพล์ให้เราใช้งาน แต่ถ้าท่านอยากจะให้กำลังใจคนทำ ในเว็บไซต์ที่ดาวน์โหลดจะมีให้ Donate อยู่ **

งานนี้ต้องอาศัยความรู้ทางด้านเทคนิคเล็กน้อยครับ ต้องใช้โปรแกรมช่วยด้วย เช่น PuTTY, FileZilla โดยเราจะใช้ PuTTY รีโมทเข้าเซอร์เวอร์ เพื่อติดตั้งและตรวจสอบผล และใช้ FileZilla อัพโหลดไฟล์เข้าเซอร์เวอร์ ซึ่งผมก็ได้แนะนำวิธีการใช้งานไปแล้วนะครับ หาอ่านรายละเอียดได้ที่กระทู้อื่น ไม่ต้องกังวลใจไปครับ ทำได้แน่ๆ ค่อยๆอ่านในสิ่งที่ผมจะแนะนำต่อไปนี้

ก่อนที่เราจะดาวน์โหลดโคเด็ค G.723.1 และ G.729 มาติดตั้ง เราต้องรู้ข้อมูลภายในเครื่อง Elastix ของเราก่อนครับ เช่น ใช้ Asterisk เวอร์ชั่นอะไรและใช้ CPU แบบไหน ดังนี้ครับ

1. ตรวจสอบเวอร์ชั่นของ Asterisk ในเครื่อง

เราจำเป็นต้องรู้ว่าตอนนี้ Elastix ของเราใช้ Asterisk เวอร์ชั่นอะไร วิธีการมีดังนี้ครับ

1.1 ใช้ PuTTY รีโมทเข้าไปที่ไอพีแอดเดรสของ Elastix ก่อนครับ

พร้อมท์ที่แสดงในรูปคือ [root@callcenter] # นั้น คำแรก "root" เป็นยูสเซอร์เนมนะครับ ส่วนคำหลัง "callcenter" เป็นชื่อเครื่องเซอร์เวอร์ ดังนั้นเครื่องของคุณอาจจะแสดงเป็นแบบอื่น เช่น [root@localhost] # เป็นต้น ถ้าไม่เหมือนผมก็ไม่ต้องแปลกใจครับ
พร้อมท์ที่เราเห็น เป็นพร้อมท์ของ CentOS Linux ครับ

1.2 พิมพ์คำสั่ง asterisk -r ดังรูป แล้วดูตัวเลขแสดงเวอร์ชั่น ดังรูป

เวอร์ชั่นคือ 1.4.22-rc5 หรือเรียกสั้นๆว่าเวอร์ชั่น 1.4 ก็ได้ครับ

พร้อมท์ "callcenter*CLI" นี้เราเรียกว่า "Asterisk Console" นะครับ โดยที่ "callcenter" เป็นชื่อเครื่องเซอร์เวอร์ที่ผมตั้งให้ (ผมใช้เครื่องนี้ทำงานเป็น Callcenter ผมก็เลยตั้งชื่อมันว่า callcenter ) ถ้าคุณไม่ได้เปลี่ยนชื่อเครื่อง ใช้ชื่อดีฟอลท์ ก็จะได้พร้อมท์เป็น "localhost*CLI" ครับ

1.3 กดปุ่ม "Ctrl+C" (กดปุ่ม Control ค้างไว้ แล้วกดปุ่ม c ตาม) หรือพิมพ์ exit เพื่อออกจาก Asterisk Console ครับ

พร้อมท์จะกลับมาเป็นของ CentOS Linux ครับ

1.4 หรือจะพิมพ์ exit อีกครั้งเพื่อออกจาก CentOS Linux ก็ได้นะครับ

เทคนิคการติดตั้ง Asterisk 17.x + DAHDI 3.1.0 บน CentOS 7

2. ตรวจสอบ CPU ในเครื่องที่ติดตั้ง Elastix ว่าเป็นแบบไหน

2.1 ใช้ PuTTY รีโมทเข้าไปที่ Elastix เช่นเดิมครับ

2.2 พิมพ์คำสั่ง cat /proc/cpuinfo (เว้นวรรคระหว่าง cat และ /proc/cpuinfo ด้วยนะครับ) แล้วกดปุ่ม enter รอดูผลลัพธ์

ดูที่บรรทัด "model name" ครับ ด้านขวามือคือ CPU ในตัวอย่างเป็น Pentium 4 ครับ ความเร็ว 1.8 GHz

เป็นอันว่าได้ข้อมูลครบแล้วนะครับทั้งเวอร์ชั่นของ Asterisk และตัว CPU ต่อไปก็ไปเลือกโคเด็คกัน ตามผมมาครับ

3. ดาวน์โหลดโคเด็ค G.729 และ G.723.1

3.1 เข้าไปที่เว็บไซต์แห่งนี้ครับ http://asterisk.hosting.lv
เว็บนี้มีทั้งที่เป็นซอร์สโค๊คและที่คอมไพล์แล้ว เราไม่ต้องคอมไพล์เองครับ มีคนทำให้แล้ว (คอมไพล์เองยากมาก) เราเพียงแต่เลือกให้เหมาะสมกับ Asterisk เวอร์ชั่นที่เราใช้อยู่แล้วก็ CPU ที่อยู่ในเครื่อง เทคนิคเท่านี้จริงๆครับ

3.2 คลิ๊กที่ "Binaries" ครับ

3.3 เลือก Asterisk เวอร์ชั่นที่อยู่บนเครื่องเซอร์เวอร์ของเราครับ
เลือก Asterisk 1.4 เพราะที่เครื่องของผมเป็นเวอร์ชั่น 1.4.22-rc5
และดูชื่อไฟล์ที่มีคำว่า "pentium4" อยู่ด้วยครับ เพราะซีพียูในเครื่องเซอร์เวอร์ผมเป็น Pentium 4
- สำหรับโคเด็ค G.729 เลือกไฟล์ "codec_g729-ast14-gcc4-glibc-pentium4.so"
- สำหรับโคเด็ค G.723.1 เลือกไฟล์ "codec_g723-ast14-gcc4-glibc-pentium4.so"
ถ้าเลือกไฟล์ไม่เหมาะสม เวลาติดตั้งโคเด็คไปแล้ว จะรัน Asterisk ไม่ได้ครับ

3.4 ดาวน์โหลดไฟล์โคเด็ค
สามารถทำได้ 2 วิธีครับ คือ
3.4.1 ดาวน์โหลดมาไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ก่อนแล้วใช้โปรแกรม FileZilla อัพโหลดเข้าเซอร์เวอร์
- คลิ๊กที่ชื่อไฟล์ในเว็บไซต์และดาวน์โหลดมาเก็บไว้ในเครื่องคอมก่อน แล้วเปลี่ยนชื่อไฟล์ทั้งสองไฟล์ครับ คือเปลี่ยนจาก codec_g729-ast14-gcc4-glibc-pentium4.so เป็น codec_g729.so และเปลี่ยนจาก codec_g723-ast14-gcc4-glibc-pentium4.so เป็น codec_g723.so ครับ
- ใช้โปรแกรม FileZilla อัพโหลดทั้ง codec_g723.so และ codec_g729.so ไปไว้ที่โฟลเดอร์ /usr/lib/asterisk/modules บนเซอร์เวอร์ครับ

3.4.2 ใช้เซอร์เวอร์ดาวน์โหลดเลย ดังนี้
- ใช้ PuTTY รีโมทเข้าไปที่เซอร์เวอร์
- เปลี่ยนโฟลเดอร์ไปที่ /tmp (หรือโฟลเดอร์อะไรก็ได้ที่ต้องการ) เพราะเราจะดาวน์โหลดไฟล์มาเก็บไว้ที่นี่ก่อน โดยพิมพ์คำสั่ง cd /tmp แล้วกดปุ่ม enter

- ไปที่หน้าเว็บไซต์ในข้อ 3.3 จากนั้นคลิ๊กขวาที่ชื่อโคเด็คที่ต้องการดาวน์โหลด แล้วเลือก "Copy Shortcut"
- กลับมาที่ PuTTY
- พิมพ์คำสั่ง wget เว้นวรรคแล้วคลิ๊กขวาก็จะกลายเป็นลิ้งสำหรับดาวน์โลดโคเด็คครับ จากนั้นกด enter รอจนดาวน์โหลดเสร็จ


- ทำทั้งสองโคเด็ค เราจะได้ไฟล์ codec_g729-ast14-gcc4-glibc-pentium4.so และ codec_g723-ast14-gcc4-glibc-pentium4.so อยู่ที่โฟลเดอร์ /tmp
- เปลี่ยนชื่อไฟล์ไปเป็นชื่อ codec_g729.so และ codec_g723.so โดยพิมพ์คำสั่ง cp codec_g729-ast14-gcc4-glibc-pentium4.so codec_g729.so และคำสั่ง cp codec_g723-ast14-gcc4-glibc-pentium4.so codec_g723.so

4. ติดตั้งโคเด็ค G.729 และ G.723.1 บน Elastix

ย้ายไฟล์ codec_g723.so และ codec_g729.so ไปไว้ที่โฟลเดอร์ /usr/lib/asterisk/modules ครับ โดยใช้คำสั่ง cp codec_g723.so /usr/lib/asterisk/modules และคำสั่ง cp codec_g729.so /usr/lib/asterisk/modules

5. ทดสอบโหลดโมดูลขึ้นมาทำงาน

ตามปกติเมื่อเราติดตั้งโมดูลอะไรเพิ่มเติม เราต้องรีสตาร์ท Asterisk ก่อน จึงจะใช้งานได้นะครับ แต่ถ้าเราไม่แน่ใจว่าโคเด็คที่เพิ่งก๊อบไปไว้ที่โฟลเดอร์จะใช้งานได้หรือไม่ การรีสตาร์ทเลยมันก็ดูจะเป็นการเสี่ยงเกินไปเพราะว่าถ้ามีปัญหาก็จะสตาร์ท Asterisk ไม่ขึ้น

ดังนั้นเราควรโหลดเฉพาะโมดูลขึ้นมาดูครับ ถ้าสามารถโหลดได้ก็แสดงว่าไม่มีปัญหาอะไรครับ แต่ถ้าโหลดไม่ได้ก็แสดงว่ามีปัญหาซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าดาวน์โหลดมาผิดไฟล์ครับ

ก่อนจะโหลดโมดูล ผมมีคำสั่งหนึ่งใน Asterisk Console มานำเสนอครับ คือคำสั่ง "core show translation" คำสั่งนี้เอาไว้ดูว่า Asterisk ของเรามันใช้โคเด็คอะไรได้บ้าง สามารถแปลงจากโคเด็คไหนเป็นโคเด็คไหนบ้าง มาลองคำสั่งนี้กันครับ

ก่อนอื่นให้เข้าสู่ Asterisk Console ก่อน แล้วค่อยพิมพ์คำสั่ง "core show translation"

จากรูปจะเห็นรายชื่อโคเด็คต่างๆที่ Asterisk ของเราสนับสนุน แต่จะใช้งานได้จริงๆก็เฉพาะโคเด็คที่มีตัวเลขปรากฏอยู่ในแถวและคอลั่มน์ครับ เช่น gsm, ulaw, alaw, g726, g722 พวกนี้ใช้ได้เลยครับเพราะมีตัวเลขปรากฏอยู่ทั้งแถวและคอลัมน์ ส่วน g723, g729, speex, ilbc ตอนนี้ยังไม่รองรับครับเพราะว่าเรายังไม่ได้ติดตั้งเพิ่มเติม ตัวเลขที่อยู่ในแถวและคอลัมน์เป็นระยะเวลาที่ใช้ในการแปลงจากโคเด็คหนึ่งไปเป็นอีกโคเด็คหนึ่ง (Codec Translation) มีหน่วยเป็น ไมโครวินาที ครับ เช่น จาก ulaw เป็น gsm ใช้เวลา 2000 us หรือ 2 ms แปลงกันเร็วมากครับ หูเราไม่รู้สึกหรอกว่ามันช้า

เอาหล่ะครับเกริ่นมานานหล่ะ ทีนี้ก็มาทดสอบโหลดโมดูลโคเด็ค G.729 และ G.723 กันเสียที ทำดังต่อไปนี้

5.1 เข้าสู่ Asterisk Console

ต้องขออภัยด้วยครับ รูปข้างบนผมเอามาจากอีกเครื่องหนึ่งเอามาสาธิตเฉยๆ นึกซะว่าเป็น Asterisk 1.4 ก็แล้วกันครับ

5.2 ลองโหลดโมดูล codec_g729.so ก่อนครับ โดยบน Asterisk Console พิมพ์คำสั่งว่า module load codec_g729.so

จากรูปข้อความที่ปรากฏแสดงว่าโหลดสำเร็จนะครับ ถ้าไม่สำเร็จจะแสดงข้อความเออเร่อร์แทน

5.3 ทีนี้มาลองโหลดโมดูล codec_g723.so บ้าง โดยพิมพ์คำสั่งว่า module load codec_g723.so

จากรูปข้อความที่ปรากฏแสดงว่าโหลดสำเร็จนะครับ ถ้าไม่สำเร็จจะแสดงข้อความเออเร่อร์แทน

ถ้าโหลดสำเร็จก็จะใช้งานเลยครับ โดยไม่ต้องรีสตาร์ท Asterisk และเมื่อทำการรีสตาร์ท Asterisk ทั้งสองโมดูลก็จะถูกโหลดขึ้นมาใช้งานโดยอัตโนมัติครับ

เป็นอันว่าเราได้ติดตั้งโคเด็ค G.729 และ G.723.1 เสร็จแล้วครับ มาลองใช้คำสั่ง "core show translation" ทดสอบดูครับ

จะเห็นว่าทั้งแถวและคอลัมน์ของ g723 และ g729 มีตัวเลขขึ้นมาแล้วครับ

ถ้าจะยกเลิกการโหลดโมดูลโคเด็ค
ถ้าจะยกเลิกการโหลดโมดูลโคเด็คทั้งสอง ใช้คำสั่งตรงกันข้ามกับตอนที่โหลดครับ นั่นคือ module unload codec_g729.so และ module unload codec_g723.so ครับ

6. ปรับแต่งโคเด็ค G.723.1

โคเด็ค G.723.1 มีอยู่ด้วยกัน 2 เรทครับ คือ 6.3 Kbps และ 5.3 Kbps โดยส่วนตัวแล้วแบบแรกให้คุณภาพดีกว่าครับ เรามาบังคับให้ Asterisk ใช้ G.723.1 แบบ 6.3 Kbps กันครับ ดังนี้

ล๊อกอินเข้าไปที่ Asterisk แล้วเปิดไฟล์ /etc/asterisk/codec.conf จากนั้นเพิ่ม 2 บรรทัดนี้ลงไปในไฟล์ครับ เอาไว้บนสุดของไฟล์เลย

[g723]
sendrate => 63

เซฟไฟล์ แล้วเข้า Asterisk Console จากนั้นพิมพ์คำสั่ง module unload codec_g723.so และตามด้วย module load codec_g723.so ก็เป็นอันเรียบร้อยครับ

ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อโหลดโมดูล G.723 และ G.729
1. มีข้อความฟ้องว่า
Command 'module load codec_g723.so' failed.
[Mar 17 16:57:22] WARNING[953]: loader.c:386 load_dynamic_module: Error loading module 'codec_g723.so': /usr/lib/asterisk/modules/codec_g723.so: cannot restore segment prot after reloc: Permission denied
[Mar 17 16:57:22] WARNING[953]: loader.c:794 load_resource: Module 'codec_g723.so' could not be loaded.

สาเหตุ เป็นเพราะว่าเรา Enable SELinux ไว้ ต้องไปปิดก่อนครับ

โค้ด: เลือกทั้งหมด

vi /etc/selinux/config

บรรทัด SELINUX ต้องเซ็ตเป็นแบบนี้ครับ SELINUX=disabled
เซฟแล้วรีโหลด CentOS ใหม่

ลง Codec แล้ว asterisk ดับครับ


ผมใช้ elastix 2.0 พอดีลงที่เครื่องใหม่เป็น P4 1.6

ก็ลงเหมือนที่เคยลง แต่คราวนี้พอลงปุ๊บ

โค้ด: เลือกทั้งหมด

[root@dhcppc4 ~]# asterisk -r
Asterisk 1.6.2.10, Copyright (C) 1999 - 2010 Digium, Inc. and others.
Created by Mark Spencer <markster@digium.com>
Asterisk comes with ABSOLUTELY NO WARRANTY; type 'core show warranty' for detail                                                                                        s.
This is free software, with components licensed under the GNU General Public
License version 2 and other licenses; you are welcome to redistribute it under
certain conditions. Type 'core show license' for details.
=========================================================================
Unable to connect to remote asterisk (does /var/run/asterisk/asterisk.ctl exist?                                                                                        )


ลองเปิดเครื่อง และ ก็ amportal restart ก็ไม่หายครับ

แก้ไงดีครับพี่หนุ่ย งมมา หลายวันแล้ว

แสดงว่าโหลด codec มาไม่ตรงอ่ะดิครับ เช็ค cpu, asterisk version และ gcc/ipp ดีๆครับ
ทางแก้เบื้องต้นคือ ลบไฟล์ codec_g729.so และ codec_g723.so ออกก่อน แล้ว amportal restart ใหม่

แล้วดาวน์โหลด codec มาใหม่ จากนั้นก็อบไปใส่ /usr/lib/asterisk/modules หรือว่า /usr/lib64/asterisk/modules แล้วเข้า asterisk -r
แล้วโหลดจากคำสั่งเลยครับ เช็คก่อน ถ้าโหลดได้ ก็จะรีสตาร์ท asterisk ได้แล้วคราวนี้

ขอบคุณคร๊าบบบ พรุ่งนี้ไปออฟฟิสลองใหม่

ได้แล้วครับ สรุปโหลด asterisk ผิด version

ขอถามนิดนึงครับ
พอดี cpu ที่ใช้เป็น i3 นะครับ ตรวจสอบแล้วเป็นดังนี้

Intel(R) Core(TM) i3 CPU M 370 @ 2.40GHz

แล้วในเว็บที่ให้โหลดมันไม่มี cpu รุ่นนี้เลยครับ

โหลดเป็น core2 มาติดตั้งจะได้มั้ยครับ

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ