จะเป็นผู้ให้บริการ VoIP ต้องมีอะไรบ้าง

เรื่องทั่วไปที่ไม่รู้จะโพสต์หรือหาอ่านได้ในกระทู้ไหน หรือเรื่องที่อยากให้ผมเขียน

Moderator: jubjang

จะเป็นผู้ให้บริการ VoIP ต้องมีอะไรบ้าง

โพสต์โดย nuiz » 26 ก.ค. 2011 10:23

ถ้าท่านเห็นข้อความนี้ แสดงว่าบทความนี้ยังไม่สมบูรณ์นะครับ

เคยมีคนโทรมาสอบถามผม เขาอยากให้บริการ VoIP เขาต้องทำยังไงบ้าง ต้องมีอะไรบ้าง ต้องใช้คนกี่คน ซึ่งผมก็ใช้ความรู้บวกประสบการณ์ที่ผมมีพยายามอธิบายให้เขาฟัง ไม่รู้ว่าจะเข้าใจมากน้อยแค่ไหน ผมมานึกดูอีกทีคงจะมีคนหลายๆคนอยากจะเป็นผู้ให้บริการ VoIP บ้าง หรืออยากหาความรู้ไว้เฉยๆไม่ได้ทำตอนนี้ ผมจะชี้ทางให้ท่านครับ

** ต่อไปนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมนะครับ ข้อมูลที่ท่านเห็นหรือได้รู้มาจากที่อื่นๆ อาจจะไม่เหมือนที่ผมเขียนก็ได้ **

1. ลูกค้าเป้าหมาย
ลงทุนทำระบบ ว่าจ้างพนักงานแล้ว แต่ไม่รู้จะขายให้ใคร อีกไม่นานก็คงปิดบริษัท ส่วนใหญ่ที่มาทำเขาจะมีลูกค้าอยู่แล้ว เช่น อาจจะเคยเป็นเอเย่นต์ของผู้ให้บริการรายใหญ่ มีตัวแทน มีลูกค้าอยู่ในมืออยู่แล้ว เลยมาทำเองจะได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ต้องรอส่วนแบ่ง 10%, 15%, 20% ซึ่งถือว่าจิ๊บๆมากแม้ว่าจะได้ถึง 30% ก็ตาม

ถ้าทำเองหักค่าใช้จ่ายแล้ว จะเหลือไม่น้อยกว่า 85% ผมคอนเฟิร์ม ต้นทุนค่าโทรต่างประเทศก็ถูกแสนถูก เชื่อมั๊ยครับว่า ค่าโทรไป usa ขายนาทีละ 25 สตางค์ ยังมีกำไรเลย

2. ใบอนุญาติ (ไลเซ่นต์) กชท
ควรจะขอไว้ก่อนครับ เพื่อความสบายใจของเราเองและทำให้มันถูกต้อง ลูกค้าไม่มาถามหรอกว่าคุณมีไลเซ่นต์หรือเปล่า เขาสนใจราคามากกว่า ยกเว้นคุณเอาไปนำเสนอให้บริษัทใหญ่ๆ
มีใบอนุญาต 2 ประเภทที่เกี่ยวข้องนะครับ คือ Internet Sevice Provider Type 1 หรือชื่อไทยคือ ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต แบบที่ 1 ไม่มีโครงข่ายเป็นของตัวเอง กับอีกใบคือ Internation Calling Card หรือชื่อไทยคือ บริการบัตรโทรศัพท์ระหว่างประเทศ จะมีทั้ง 2 ใบเลยก็ได้ สามปีแรก (ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ) ต่ออายุปีต่อปี ต่อไปครั้งละ 5 ปี

ถ้าคุณจะให้ให้บริการ VoIP แบบโทรจาก Gateway, Softphone ก็ควรจะมีไลเซ่นต์แบบแรกไว้กันเหนียว และถ้าจะขายบัตรโทรต่างประเทศด้วย ก็ควรจะมีไลเซนต์แบบที่สองด้วย กันเหนียวเช่นเดียวกัน

ใบไลเซ่นต์จะสีออกเหลืองๆ สวยดีครับ

3. พนักงาน
ผมเน้นว่าไม่ต้องเยอะครับ มีพอทำงานได้ ให้บริการลูกค้าได้ แก้ปัญหาให้ลูกค้าได้ ควรลดต้นทุนส่วนนี้ให้ได้มากที่สุด จ้าง freelance ได้เป็นจ้าง ซึ่งมันจะถูกกว่าจ้างพนักงานประจำ ทำให้ต้นทุนเราถูกกว่าเจ้าอื่น ผมยกตัวอย่างผู้ให้บริการรายหนึ่งที่ผมทำงานด้วย มีพนักงานคือ เจ้าของ เป็นทั้งผู้บริหารและก็ขายด้วยและติดต่อต่างประเทศด้วย เก่งมากเลยคนนี้ จ้างบัญชีนอกเสียรายเดือนนิดหน่อย มีพนักงานทั่วไปคนนึงพอรู้บัญชีนิดหน่อย และจ้าง freelance ให้มาช่วยดูเซอร์เวอร์และแก้ปัญหาลูกค้าให้ ซึ่งก็ไม่ได้เกิดบ่อยๆ ปัญหาเล็กๆน้อยๆเจ้าของก็แก้ไขเอง

3. VoIP Server
ติดตั้งโปรแกรม VoIP Server แบบ SIP/H.323 ลงในเครื่องเซอร์เวอร์ งบน้อยหน่อย ให้บริการลูกค้าไม่เยอะ (โทรไม่เกิน 200 สายพร้อมกัน) ก็แนะนำให้ใช้ Asterisk ครับ เป็น OpenSource ไม่ต้องเสียค่าโปรแกรม แต่ถ้าคิดว่าลูกค้าจะเยอะก็ควรจะลงทุนซื้อ Softswitch เก่งๆเลยจะดีกว่า อย่างเช่น VOS3000, VPS (Voipswitch), MVTS เป็นต้น

จากประสบการณ์ ลูกค้าเน้นโทรครับ เน้นราคาเป็นหลัก เขาไม่ได้สนใจฟีเจอร์เท่าไหร่ ฟีเจอร์ที่ผมว่าก็อย่างเช่น voicemail, call transfer, call forward, followme ฟีเจอร์เยอะไปก็เท่านั้นครับ

4. Billing Server
เอาไว้ตัดเงินลูกค้าเวลาโทรหน่ะครับ โปรแกรม Billing นี้จะต้องให้สัมพันธ์กับ VoIP Server ที่ใช้ ยกตัวอย่างเช่นถ้าเราใช้ Asterisk เป็น VoIP Server จะมีโปรแกรม Billing ทั้งที่เป็น Opensource เช่น A2Billing, AstBill และที่ทำขายกันซึ่งก็ค้นได้จากใน Internet ครับ

แต่ถ้าเลือกใช้ VOS3000 หรือ VPS (Voipswitch) ก็จะมีโปรแกรม Billing อยู่ในตัวอยู่แล้ว โปรแกรม VoIP Server สมัยใหม่จะมี Billing มาในตัวแล้ว ไม่ต้องซื้อเพิ่มหรือติดตั้งเพิ่มเหมือนโปรแกรมสมัยเก่าๆ โปรแกรมพวกนี้ล้าสมัยแล้วครับ แต่ก็ยังมีคนใช้เยอะอยู่

5. สถานที่วาง Server
ควรวางที่ colo เท่านั้นครับ จะเป็น colo ในประเทศหรือต่างประเทศก็ได้ อยู่ที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ว่ากันว่าวางที่ต่างประเทศ เช่น usa ถูกกว่าวางในไทย ได้แบนวิดธ์เยอะกว่า แต่เท็จจริงยังไงไม่รู้ครับ ผมยังไม่ได้เช็คราคา

6. ผู้ให้บริการ VoIP
เนื่องจากเราไม่ได้มีโครงข่ายที่จะโทรเข้าระบบอื่นๆได้ (เรามีแค่ VoIP Server ตัวเดียว) เราต้องไปอาศัยเครือข่ายของผู้ให้บริการรายอื่นแทน เราส่งทราฟิกจากลูกค้าไปยังผู้ให้บริการ แล้วผู้ให้บริการก็ส่งต่อไปยังผู้ให้บริการรายอื่นๆอีก เป็นทอดๆไป มันก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้วครับเพราะว่าคงไม่มีใครที่มีทุกอย่างครบหมด มันต้องใช้เงินลงทุนมากมายมหาศาล

จะเลือกผู้ให้บริการในประเทศหรือต่างประเทศ อยู่ที่ว่าลูกค้าต้องการโทรไปที่ไหน ถ้าต้องการโทรไปต่างประเทศเราควรเลือกผู้ให้บริการในต่างประเทศ อย่างเช่นเจ้าที่เรารู้จักกันดี ได้แก่ Skype, Net2Phone หรือจะเป็นรายอื่นๆก็ได้ และควรระวังผู้ให้บริการที่หลอกลวง โอนเงินแล้วหายจ้อย หรือให้จำนวนพอร์ตที่จะโทรได้พร้อมกันน้อยกว่าที่ตกลงกัน อ้างนู่นอ้างนี้ แต่โดยรวมซื้อจากผู้ให้บริการต่างประเทศจะถูกกว่าครับ ถ้าซื้อจากในประเทศ จะเหลือกำไรไม่เท่าไหร่ ทำเหนื่อยเปล่าๆ

ถ้าลูกค้าโทรเบอร์ปลายทางในไทยด้วยก็ไม่แน่ว่าหาจากผู้ให้บริการในไทยจะถูกกว่า ผมเห็นคิดกันแพงๆทั้งนั้นเลย ก็ลองเช็คราคาดูครับ และลองโทรดู ความเชื่อที่ว่าไปอ้อมต่างประเทศแล้วเสียงมันจะดีเลย์ ใช้ไม่ได้แล้วทุกวันนี้ เพราะถึงจะไปอ้อมต่างประเทศ แต่ก็อาจจะไม่ได้ทำให้คุณภาพการโทรลดลงก็เป็นได้ เพราะสมัยนี้เน็ตมันแรง

6. มีออฟฟิศ
เอาไว้ทำงาน ไม่ต้องตกแต่งหรูครับ ทำในคอนโด ทำในห้องแถว ทาวเฮาส์ หรือที่บ้านก็ได้ ต่างคนต่างอยู่คนละที่กันก็ได้ ขอให้มีเน็ตไว้ติดต่อกับลูกค้า ไว้รีโมทเข้าเซอร์เวอร์

7. เปิดบริษัท
ควรจะเปิดเป็นบริษัทไว้ครับ หรือย่างน้อยๆก็เป็น ห้างหุ้นส่วนจำกัด มันทำธุรกิจได้ง่ายกว่า ออกบิล ออกแวทได้กรณ๊ที่ถ้าลูกค้าต้องการ

8. มีบัญชี Paypal
ควรเปิดบัญชีกับ Paypal ไว้ครับ เพื่อโอนเงินค่าโทรให้ต่างประเทศ หรือรับโอนเงินจากต่างประเทศ บางท่านอาจจะแย้งว่ามันเสียค่าธรรมเนียมตอนถอนเงิน ไม่เป็นปัญหาครับ เราก็หักเงินจากลูกค้าเอามาชดเชยส่วนนี้ หรือให้ลูกค้าโอนเข้ามาโดยบวกค่าธรรมเนียมด้วย แล้วแต่จะตกลงกัน

7. มีเว็บไซต์
ควรจะมีเว็บไซต์ครับ เอาไว้สร้างหน้าตาบริการให้ดูดี ให้ลูกค้าเชื่อถือ และถ้าต้องขายให้ลูกค้าชาวต่างชาติ ในต่างประเทศด้วย ถ้าเป็นไปได้ควรมีเว็บไซต์ภาษาอังกฤษด้วย เหตุผลเดียวกันครับคือ สร้างความน่าเชื่อถือ

9. ราคาค่าโทร
ตั้งให้ถูกกว่าเจ้าอื่นน่าจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องครับ ไม่อย่างนั้นลูกค้าคงไม่มีเหตุผลที่จะหันมาใช้ของเรา คุณภาพเป็นรอง ตราบใดที่ยังโทรได้ คุยกันรู้เรื่อง ลูกค้าก็จะไม่หนีหายไปไหน อันนี้ผมคอนเฟิร์มครับ มันเป็นอย่างนี้จริงๆ



เดี๋ยวมาต่อครับ
** หากมีปัญหากับอุปกรณ์ที่ซื้อมาเองหรือบริการที่ทำขึ้นมาเอง ให้โพสต์ถามในเว็บบอร์ดนี้นะครับ **
** งานเร่งด่วนติดต่อว่าจ้างที่เบอร์ 08-5161-9439 อีเมล์ iamaladin@gmail.com ไลน์ NuizVoip ครับ **
nuiz
Diamond Member
 
โพสต์: 7069
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 มี.ค. 2010 09:33

ย้อนกลับไปยัง กระทู้ทั่วไป - ฝากคำถาม

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 13 ท่าน

cron