VoIP Community of Thailand - เว็บบอร์ด VoIP Issabel, Elastix Asterisk FreePBX IPPhone VoIP Gateway Call Center IPPBX ของไทย โดยคนไทย เพื่อคนไทย

ถ้าคุณได้ติดตั้ง CentOS หรือ RedHat Enterprise Linux (RHEL) หรือ Fedora ไว้อยู่แล้ว ก็สามารถติดตั้ง Asterisk พร้อมกับโปรแกรมอื่นๆที่เกี่ยวข้องได้อย่างง่ายดาย และนอกจากติดตั้งแล้วก็ยังสามารถอัพเดทได้อย่างง่ายๆด้วยคำสั่ง "yum" ดังมีขั้นตอนต่อไปนี้

1. ใช้โปรแกรม FileZilla เข้าไปที่ CentOS, RHEL หรือ Fedora ที่คุณมีอยู่

2. เปลี่ยนโฟลเดอร์ไปที่ /etc ดังรูป

3. หาไฟล์ yum.repos.d เมื่อเจอแล้วให้คลิ๊กขวาแล้วเลือก "View/Edit" แล้วเลือกโปรแกรมที่จะใช้เปิด เลือก "Notepad"

4. เพิ่มข้อความต่อไปนี้ด้านล่างของไฟล์ yum.repos.d

[asterisk-tested]
name=CentOS-$releasever - Asterisk - Tested
baseurl=http://packages.asterisk.org/centos/$releasever/tested/$basearch/
enabled=0
gpgcheck=0
#gpgkey=http://packages.asterisk.org/RPM-GPG-KEY-Digium

[asterisk-current]
name=CentOS-$releasever - Asterisk - Current
baseurl=http://packages.asterisk.org/centos/$releasever/current/$basearch/
enabled=1
gpgcheck=0
#gpgkey=http://packages.asterisk.org/RPM-GPG-KEY-Digium

แล้วบันทึกไฟล์ โปรแกรม FileZilla จะอัพเดทไฟล์ลงไปในเซอร์เวอร์โดยอัตโนมัติ

5. ใช้ [http://www.voip4share.com/centos-the-community-enterprise-operating-system-f55/topic24.html]PuTTY[/url] รีโมทเข้าไปที่เซอร์เวอร์

6. เปลี่ยนไดเร็คตอรี่ไปที่ /etc โดยพิมพ์คำสั่ง cd /etc แล้วกดปุ่ม enter

7. สร้างไฟล์ชื่อ centos-digium.repo โดยพิมพ์คำสั่ง cat centos-digium.repo แล้วกด enter

8. กลับมาที่ FileZilla อีกครั้ง คลิ๊กเพื่อรีเฟรชหน้าจอ แล้วค้นหาไฟล์ชื่อ centos-digium.repo เมื่อพบแล้วคลิ๊กขวาแล้วเลือก "View/Edit" แล้วพิมพ์ข้อความดังต่อไปนี้
[digium-tested]
name=CentOS-$releasever - Digium - Tested
baseurl=http://packages.digium.com/centos/$releasever/tested/$basearch/
enabled=0
gpgcheck=0
#gpgkey=http://packages.digium.com/RPM-GPG-KEY-Digium

[digium-current]
name=CentOS-$releasever - Digium - Current
baseurl=http://packages.digium.com/centos/$releasever/current/$basearch/
enabled=1
gpgcheck=0
#gpgkey=http://packages.digium.com/RPM-GPG-KEY-Digium

จากนั้นเซฟไฟล์

เริ่มทำการติดตั้ง

1. ใช้ PuTTY รีโมทไปที่เซอร์เวอร์
2. พิมพ์คำสั่งต่อไปนี้

โค้ด: เลือกทั้งหมด

yum install asterisk16 asterisk16-configs asterisk16-voicemail dahdi-linux dahdi-tools libpri

แล้วกด enter จากนั้นโปรแกรมก็จะเริ่มดาวน์โหลดไฟล์และทำการติดตั้ง รอจนติดตั้งสำเร็จ

การสตาร์ต สต๊อป และรีสตาร์ท Asterisk

สตาร์ท ใช้คำสั่ง

โค้ด: เลือกทั้งหมด

service asterisk start

สต๊อป ใช้คำสั่ง

โค้ด: เลือกทั้งหมด

service asterisk stop

รีสตาร์ท ใช้คำสั่ง

โค้ด: เลือกทั้งหมด

service asterisk restart

รบกวนขอความรู้หน่อยครับ

การติดตั้งโดยใช้วิธี yum

ต่างกันกับวิธี complie ยังไงเหรอครับ

บน CentOS, Redhat Enterprise, Fefora ใช้คำสั่ง yum เพื่อติดตั้งไฟล์แพ็กเก็ต rpm จาก Server ครับ ซึ่งรายชื่อ Server และ Path จะเก็บไว้ในไฟล์ /etc/yum.repos.d ซึ่งก็จะมีคนสร้างไฟล์ .rpm เอามาเก็บไว้คอยให้คำสั่ง yum มาดึงไปติดตั้ง เราไม่ต้องคอมไพล์โปรแกรมเองครับ มีคนทำให้เราหมดแล้ว ถ้าโปรแกรมมันต้องอาศัยโปรแกรมอื่น มันก็จะติดตั้งให้เราเองโดยอัตโนมัติ ง่ายและสะดวก แต่โปรแกรมมันอาจจะไม่ค่อยอัพเดทเท่าไหร่ครับ ขึ้นอยู่กับความขยันของคนทำ

ไฟล์ rpm ที่เป็นของ CentOS เองมันจะรู้ว่าต้องไปดาวน์โหลดที่เว็บไหน แต่ถ้าไม่ใช่ของ CentOS อย่างเช่นในกรณีนี้ที่ไฟล์ rpm เป็นของ Digium เก็บไว้ที่เซอร์เวอร์ของ Digium เราก็ต้องมาแก้ไขที่ไฟล์ yum.repos.d ให้ CentOS มันรู้จัก Server ของ Digium หน่ะคับ

การใช้คำสั่ง yum เราต้องรู้ชื่อ Package ที่เราต้องการจะติดตั้งครับ ถ้ารู้แค่ตัวหรือสองตัว เช่น ผมจะติดดตั้ง php แต่ไม่รู้ว่ามันมี Package ชื่ออะไรบ้าง ผมก็จะพิมพ์คำสั่ง yum list *php* แล้วมันก็จะแสดงรายชื่อ Package ที่มีคำว่า php อยู่เช่น php php-mysql php-imap เป็นต้น จากนั้นจึงติดตั้ง

ส่วนการคอมไพล์เราต้องทำเองทั้งหมดครับ ตั้งแต่การดาวน์โหลด Source Code การเซ็ตอัพ Environment รวมทั้งการติดตั้งโปรแกรมอื่นที่มันต้องการด้วย ถ้าคอมไพล์ไม่ผ่านก็ต้องมาดูสาเหตุว่าอะไรที่ทำให้คอมไพล์ไม่ผ่าน วิธีนี้จะยุ่งๆนิดนึงครับ มือใหม่อาจจะถอดใจเลยก็ได้ แต่มันก็ทำให้เรามีประสบการณ์มากขึ้น

ปกติตอนผมติดตั้งโปรแกรมบน CentOS ผมจะใช้ 2 วิธีนี้ควบคู่กันครับ คือพยายามใช้ yum ก่อน ถ้าไม่มี (หรือโปรแกรมเก่ามาก) ก็จะ Compile

ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ

ขอถามเพิ่มอีกข้อนะครับ
ถ้าผมติดตั้ง asterisk โดยวิธี yum

ซึ่งจะยังไม่รองรับ h.323

แล้วจะไปแก้ไขยังไงให้รองรับ h.323 ได้ครับ
เพราะถ้าลงโดยวิธี complie จะเข้าไป complie asterisk ใหม่ที่

/usr/src/asterisk-1.6.2.0/

แต่ถ้าเราลงโดยวิธี yum เราสามารถเข้าไป complie ใหม่ได้ที่ ตำแหน่งไหนเหรอครับ

ขอบคุณครับ

ขอบคุณครับที่ติดตาม

วิธีการติดตั้งโปรแกรมด้วยคำสั่ง yum มันง่ายก็จริงครับแต่ว่าเราไปแก้ไขอะไรมันไม่ได้เลย คนที่จะแก้ไขได้ก็คือคนที่ทำ Package ไว้ให้เราเอามาติดตั้งหน่ะครับ แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นจนเราหมดหนทางซะทีเดียว

วิธีการต่อไปนี้สำหรับการติดตั้ง Asterisk ผมยังไม่เคยลองนะครับ แต่เคยลองกับโปรแกรมอื่น วิธีการก็น่าจะเป็นแบบเดียวกัน

คอนเซ็ปต์คือ โหลดเอา Source Code ของเวอร์ชั่นที่เรากำลังใช้งานอยู่ แล้วคอมไพล์เอง และตอนติดตั้งซ้ำอีกครั้ง ต้องแน่ใจว่าไฟล์ทุกไฟล์มันจะอยู่ที่ไดเร็คตอรี่เดิม ไม่อย่างนั้นโปรแกรมจะรันไม่ได้ครับ

1. โหลด Package ที่เรียกว่า Source RPM
เข้าไปที่เว็บไซต์ http://packages.asterisk.org/centos/5/current/SRPMS/
จะเห็นไฟล์ Source RPM มากมาย ควรเลือกโหลด Package ที่ชื่อ Asterisk16 เวอร์ชั่นเดียวกับเวอร์ชั่นที่กำลังใช้อยู่ในเครื่องของเราตอนนี้ เช่น asterisk16-1.6.0.21-1_centos5.src.rpm ที่ต้องโหลดมากก็เพราะว่าใน Source RPM นี้มันจะมี Source Code ของ Asterisk ที่เรากำลังใช้งานอยู่

2. ติดตั้ง Package ชื่อ rpm-build

โค้ด: เลือกทั้งหมด

yum -y install rpm-build

3. ทำการติดตั้ง (หรือแตกไฟล์) Source RPM
rpm -ivh asterisk16-1.6.0.21-1_centos5.src.rpm

4. เข้าไปที่ไดเร็คตอรี่ /usr/src/redhat/SOURCES
จะเห็น Source Code ของ Asterisk ชื่อ asterisk16-sources-1.6.0.21.tar.gz
แตกไฟล์ไปไว้ที่ /usr/src (หรือที่ไดเร็คตอรี่ไหนก็ได้)

โค้ด: เลือกทั้งหมด

tar xzvf asterisk16-sources-1.6.0.21.tar.gz -C /usr/src
cd /usr/src/asterisk16-1.6.0.21


แล้วเราก็พร้อม Complie แล้วครับ

5. คอมไพล์ pwlib และ openh323

6. คอมไพล์ Asterisk

โค้ด: เลือกทั้งหมด

export PWLIBDIR=/usr/src/pwlib_v1_10_3
export OPENH323DIR=/usr/src/openh323-v1_18_0
export LD_LIBRARY_PATH=$PWLIBDIR/lib:$OPENH323DIR/lib

cd /usr/src/asterisk16-1.6.0.21
./configure --prefix=/usr --exec-prefix=/usr --sysconfdir=/etc --localstatedir=/var
make menuselect


เข้าไปที่ Channel Drivers ก็จะเห็นเครื่องหมาย * อยู่หน้า chan_h323 ครับ

โค้ด: เลือกทั้งหมด

make


แต่ไม่ต้อง make install และไม่ต้อง make samples นะครับ

7. ก๊อบไฟล์ chan_h323.so
เข้าไปที่ไดเร็คตอรี่ channels

โค้ด: เลือกทั้งหมด

cd /usr/src/asterisk16-1.6.0.21/channels
cp chan_h323.so /usr/lib/asterisk/modules


8. ก๊อบไฟล์คอนฟิก h323.so

โค้ด: เลือกทั้งหมด

cd cd /usr/src/asterisk16-1.6.0.21
cp h323.conf.sample /etc/asterisk/h323.conf


9. ลองโหลดโมดูล h323.so
เข้า Asterisk Console แล้วพิมพ์คำสั่ง

โค้ด: เลือกทั้งหมด

module load h323.so

ดูว่าโหลดได้หรือไม่

10. แก้ไขไฟล์คอนฟิก h323.conf และรีสตาร์ท Asterisk

วิธีการก็ประมาณนี้ครับ

ขอบคุณครับ สำหรับคำแนะนำ
ได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากมาย แถมขยันตอบคำถามทุกวัน ^ ^