VoIP Community of Thailand - เว็บบอร์ด VoIP Issabel, Elastix Asterisk FreePBX IPPhone VoIP Gateway Call Center IPPBX ของไทย โดยคนไทย เพื่อคนไทย

ดาวน์โหลดเอกสารบทความ Elastix Inbound DID นี้ในรูปแบบ PDF

มาดูวิธีการคอนฟิก Elastix ให้รับเบอร์ DID กันครับ

ผมจะเซ็ตให้ Elastix รับเบอร์ DID 021000001 เข้ามา จากนั้นส่งต่อไปยังเบอร์ Extension 100 นะครับ แต่ก่อนอื่นดูรูปกันก่อนครับ



อธิบายได้ว่าผมต่อ Elastix ไอพี 59.2.0.2 แบบ SIP Trunk กับ SIP Server ของผู้ให้บริการเบอร์ DID ไอพี 58.1.0.1 เพื่อที่จะรับเบอร์ 021000001 เข้ามา จากนั้นจะส่งต่อไปยังเบอร์ Extension 100 ทดสอบว่าใช้งานได้หรือไม่ได้ก็โดยการใช้เบอร์ 021000010 โทรเข้ามาที่เบอร์ดังกล่าว ถ้ามาดังที่เบอร์ Extension 100 ก็แสดงว่าเวอร์ค ถ้าไม่ก็งานเข้าครับ เดี๋ยวผมจะบอกไว้ด้วยครับว่าถ้าไม่เวอร์คเราพอจะเช็คตรงไหนได้บ้าง เป็นปัญหาที่ผู้ให้บริการหรือว่าเป็นปัญหาที่เรา บางครั้งผู้ให้บริการก็มึนเหมือนกันนะครับอย่าโทษเราฝ่ายเดียว

ในรูปมีศัพท์ใหม่ๆ 2 คำครับ คือ CALLERID และ DNIS มีความหมายดังนี้ครับ

CALLERID (ย่อมาจาก Caller Identification คือเบอร์คนที่โทรเข้ามา ยกตัวอย่างเช่นเวลามีคนโทรมาหาที่มือถือเรา เบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอก่อนรับสาย นั่นแหล่ะเขาเรียกว่า Caller ID ครับ เขียนให้ย่อกว่านี้ได้อีกนะคับ คือ CID แต่พนักงานตามชุมสายโทรศัพท์เขาจะเรียกว่า "A Number" แทนครับ ไม่ว่าจะเรียกว่าอะไรก็แล้วแต่มันก็คืออันเดียวกัน

DNIS ย่อมาจาก Dialed Number Identification Service คือเบอร์ปลายทางที่เราจะโทรไปครับ เช่น ผมจะโทรไปหาน้องกิ๊ก เบอร์น้องกิ๊กเรียกว่า DNIS ครับ และเช่นกันพนักงานตามชุมสายเขาจะเรียกว่า "B Number" แทนครับ

สรุปอีกทีครับ ผมโทรหาน้องกิ๊ก เบอร์ผมเป็น CID หรือ A-Number ส่วนเบอร์น้องกิ๊กเป็น DNIS หรือ B-Number

เอาหล่ะครับ มาคอนฟิก Elastix กันดีกว่า ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอนดังต่อไปนี้ (ขั้นตอนที่ 1-3 ไม่ต้องเรียงลำดับก็ได้นะครับ แต่ระวังจะงง )

1. สร้างเบอร์ Extension 100
2. สร้าง Inbount Trunk
3. สร้าง Inbound Route และเลือก Destination เป็น Extension 100
4. ทดสอบโทรเข้า
5. การแก้ปัญหา

1. สร้างเบอร์ Extension 100

รายละเอียดวิธีการสร้างเบอร์ Extension

ปล่อยให้บรรทัด context=from-internal เหมือนเดิมนะครับ เพราะ Elastix จะเอามาเทียบกับบรรทัด context ตอนที่เราสร้าง Inbound Trunk ชื่อต้องเหมือนกัน ไม่เหมือนจะโทรหากันไม่ได้ครับ

ลองศึกษาให้ละเอียดนะครับ ถ้ายังไม่เข้าใจก็อ่านซ้ำได้

2. สร้าง Inbound Trunk

เอาหล่ะครับมาสร้าง SIP Trunk ในกรณีนี้กันดูเพื่อให้ยอมรับ Incoming Call จากเซอร์เวอร์ของผู้ให้บริการ (สมมติว่าเรายังไม่เคยสร้าง SIP Trunk ของไอพี 58.1.0.1 เลยนะครับ)

2.1 คลิ๊กแท๊ป "PBX" -> "PBX Configuration" -> "Trunks"
2.2 คลิ๊กที่ "Add SIP Trunk" แล้วป้อนข้อมูลดังรูป



จากรูปจะเห็นว่าถ้าเป็นการคอนฟิก Trunk ที่รับเข้ามาอย่างเดียว ไม่มีส่งออก ก็เซ็ตเฉพาะ Trunk Name, USER Context และ USER Details เท่านั้น อย่างอื่นที่เหลือปล่อยว่างไว้ครับไม่ต้องเซ็ตอะไร

Note! โปรดสังเกตบรรทัด context=from-internal ใน USER Details ด้วยนะครับ จะต้องเซ็ต context ให้เป็นชื่อเดียวกับชื่อ context ในเบอร์ Extensionไม่เช่นนั้นจะโทรไปหาเบอร์ Extension 100 ไม่ได้ครับ

3. สร้าง Inbound Route และเลือก Destination เป็น Extension 100

3.1 คลิ๊กที่เมนู "PBX" -> "PBX Configuration" -> "Inbound Routes"

3.2 คลิ๊ก "Add Incoming Route" และใส่ข้อมูลดังตัวอย่าง



Descripton ใส่คำอธิบายเกี่ยวกับเบอร์ DID นี้ เช่น DID-021000001
DID Number ใส่เบอร์ DID ต้องใส่ให้ตรงกับที่ส่งมาจากผู้ให้บริการ ในกรณีนี้ให้ใส่เป็น 021000001
Caller ID Number ใส่เบอร์ Caller ID (เบอร์คนที่โทร) ถ้าใส่ก็จะโทรเข้ามาได้เฉพาะเบอร์ที่ใส่เข้าไป ถ้าต้องการให้โทรเข้าได้ทุกเบอร์ให้เว้นว่างไว้
Fax Extension
Fax Email
Fax Detection Type
Pause After Answer

เกี่ยวกับ Privacy
Privacy Manager

เกี่ยวกับ Options
Alert Info
CID name prefix
Music On Hold? ให้ส่งเสียงเพลงรอสายไปให้คนที่โทรเข้ามาได้ยินหรือไม่
Signal RINGING ให้ส่งสัญญาณ Ringing กลับไปให้คนที่โทรเข้ามาจนกว่าจะรับสาย

เกี่ยวกับ CID Lookup Source
Source

เกี่ยวกับ Set Destination
เป็นการสั่งงาน Elastix ว่าถ้ามีคนโทรมาที่เบอร์ตามที่เซ็ตไว้ในช่อง DID Number ด้านบน (กรณีนี้คือ 021000001) จะให้ส่งไปที่ไหนต่อ กรณีนี้เราต้องเลือก Extensions 100
คลิ๊กที่ Extensions <100> Khun Nui

3.3 คลิ๊กปุ่ม "Submit" และอย่าลืมคลิ๊ก "Apply Configuration Changes Here" แถบสีชมพู

เรียบร้อยครับพร้อมทดสอบ

4. ทดสอบโทรเข้า

ทดสอบง่ายๆครับคือใช้เบอร์โทรศัพท์อีกเบอร์หนึ่ง เช่น 021000010 หรือจะใช้เบอร์มือถือก็ได้ โทรไปที่เบอร์ 021000001 แล้วดูว่าเบอร์ Extension 100 ดังหรือไม่ ดูที่หน้าจอด้วย (ถ้าเป็นไอพีโฟน) ว่าโชว์เบอร์โทรเข้าเป็นเบอร์อะไร ถ้าดังก็แสดงว่าเวอร์ค แต่ถ้าไม่ดังหรือไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆเลยก็ต้องมาแก้ปัญหากันครับ ดูขั้นตอนต่อไป

5. การแก้ปัญหา

ถ้าไม่เวอร์ค (โทรเข้าแล้วไม่ดังเบอร์ Extension 100) เรามีวิธีการตรวจสอบตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ครับ

5.1 เช็คว่ามีเบอร์ 021000001 ส่งมาจากผู้ให้บริการ DID มาที่ Elastix หรือไม่ หรือว่ามีส่งมาแต่เบอร์มันไม่ใช่ 021000001 เช่นกลายเป็น 21000001 หรือ 6621000001

เช็คได้โดยรันคำสั่ง ngrep หรือ tethereal ที่บรรทัดคำสั่งใน Elastix ของเราครับ
สมมติว่าใช้คำสั่ง ngrep นะครับ (ผมขอบ ngrep เพราะให้รายละเอียดเยอะกว่า) คำสั่งคือ

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ngrep -d eth0 host 58.1.0.1 and port 5060

จากนั้นลองโทรเข้าเบอร์ 021000001 ครับว่าเห็น Invite Message หรือเปล่า ถ้าไม่เห็นก็ยกหูโทรแจ้งผู้ให้บริการเบอร์ DID ได้เลยครับ บอกเขาว่าคุณยังไม่ได้ส่งเบอร์มาให้ผมเลย เนี๊ยะผมมอนิเตอร์อยู่

Note! ขั้นตอนการเช็คว่ามี SIP Invite มาหรือยัง ถึงแม้ว่าเราจะยังไม่ได้คอนฟิกอะไรที่เครื่องเราเลย ไม่ว่าจะเป็น Extension 100, Inbound Trunk หรือ Inbound Route มันก็ต้องเห็นครับ

5.2 ถ้ามี Invite ส่งมาที่ Elastix แล้ว ให้เช็คว่าเบอร์ใน Invite มีรูปแบบเป็นอย่างไร รูปแบบตรงกับที่เราต้องการหรือไม่
ยกตัวอย่างเช่น เราต้องการให้เขาส่ง DNIS มาเป็น 021000001 เขาก็รับปาก เราก็ไปเซ็ตเบอร์ใน Inbound Route ให้เป็น 021000001 ด้วย แต่ปรากฏว่าเบอร์ใน Invite รูปแบบไม่ตรง เช่นกลายเป็น 21000001 หรือ 6621000001 อย่างนี้ Elastix จะถือว่าเป็นคนละเบอร์กันนะครับ เวลาเอามาเช็คใน Inbound Route ก็เลยไม่ตรง

เราต้องให้เขาแก้ไขรูปแบบของเบอร์ให้ถูกต้อง แต่ถ้าเขาบอกว่าแก้ให้ไม่ได้เนื่องจากเซอร์เวอร์ไม่รองรับ เราก็ต้องมาแก้ที่ Elastix นะครับ โดยสร้างเบอร์ใน Inbound Route ให้เหมือนกับเบอร์ที่เราเห็นใน Invite

อย่าลืมเช็คโคเด็คใน Invite ด้วยนะครับว่าตรงกับที่เราคอนฟิกใน Inbound Route หรือไม่

5.3 เช็คคอนฟิกของเบอร์ Extension 100
และอย่าลืมเช็คว่าเบอร์ Extension 100 สามารถโทรเข้าได้หรือไม่ (ลองโทรจาก Extension อื่น)

5.4 เช็คเบอร์ CallerID ที่โชว์บนหน้าจอ
ถ้าสมมติว่าโทรเข้าได้แล้ว ลองเช็คเบอร์ที่โชว์ในหน้าจอของ Extension 100 ดูครับว่า รูปแบบเป็นแบบไหน พอใจหรือไม่ เช่นถ้าเราต้องการให้โชว์เป็นเบอร์ 021000010 แต่กลับโชว์เป็น 21000010 (ขาด 0 ข้างหน้าไป 1 ตัว) ก็ต้องบอกให้ผู้ให้บริการเติม 0 ข้างหน้า Caller ID ให้ หรือถ้าเขาไม่ยอมทำเราก็ต้อง แปลง Caller ID เอง

ขั้นตอนการตรวจสอบก็มีประมาณนี้แหล่ะครับ

หวัดดีพี่ ผมมาถามตามที่คาดไว้ ฮ่าๆ


พอดีวันนี้ไปขอ เบอร์ DID ที่ CAT มา

ตอนนี้ตั้งค่าแล้ว ลองโทรเข้า ตอนแรก มันเป็นสายไม่ว่าง ตอนนี้มั่วไปมา มีเสียงผู้หญิงพูดบ้าง บางทีก็เงียบ

นี่ trunk ครับ

รัน ngrap ตอนทดลองโทรเข้า

INVITE sip:24026098@192.168.1.4:5060 << ไม่มีศูนย์ด้านหน้า ผมเลยแก้ที่ DID NUMBER แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้อยู่ดี

โค้ด: เลือกทั้งหมด

interface: eth0 (192.168.1.0/255.255.255.0)
filter: (ip) and ( host 202.129.60.29 and port 5060 )
#
U 202.129.60.29:5060 -> 192.168.1.4:5060
  INVITE sip:24026098@192.168.1.4:5060 SIP/2.0..Max-Forwards: 70..Session-Expires: 3600;Refresher=uac..Supported: timer..To: 24026098 <sip:24026098@202.129.60.29>..F
  rom: <sip:0814094966@202.129.60.29:5060>;tag=3477214985-111498..Contact: <sip:0814094966@202.129.60.29:5060;tgrp="cat-non-ss7">..P-Asserted-Identity:<sip:081409496
  6@202.129.60.29>..P-Preferred-Identity:<sip:0814094966@202.129.60.29>..Privacy: none..Call-ID: 239222-3477214985-111466@cat-msc1.mydomain.com..CSeq: 1 INVITE..Via:
   SIP/2.0/UDP 202.129.60.29:5060;branch=z9hG4bKba9d1f444fd802716345227755014053..Content-Type: application/sdp..Content-Length: 217....v=0..o=cat-msc1 0 0 IN IP4 20
  2.129.60.29..s=sip call..c=IN IP4 202.129.60.28..t=0 0..m=audio 41416 RTP/AVP 18 4 0 8 101..a=fmtp:101 0-15..a=rtpmap:101 telephone-event/8000..a=fmtp:18 annexb=no
  ..a=rtpmap:18 G729/8000..
#
U 192.168.1.4:5060 -> 202.129.60.29:5060
  SIP/2.0 100 Trying..Via: SIP/2.0/UDP 202.129.60.29:5060;branch=z9hG4bKba9d1f444fd802716345227755014053;received=202.129.60.29..From: <sip:0814094966@202.129.60.29:
  5060>;tag=3477214985-111498..To: 24026098 <sip:24026098@202.129.60.29>..Call-ID: 239222-3477214985-111466@cat-msc1.mydomain.com..CSeq: 1 INVITE..User-Agent: Asteri
  sk PBX..Allow: INVITE, ACK, CANCEL, OPTIONS, BYE, REFER, SUBSCRIBE, NOTIFY, INFO..Supported: replaces..Contact: <sip:24026098@192.168.1.4>..Content-Length: 0....
#
U 192.168.1.4:5060 -> 202.129.60.29:5060
  SIP/2.0 183 Session Progress..Via: SIP/2.0/UDP 202.129.60.29:5060;branch=z9hG4bKba9d1f444fd802716345227755014053;received=202.129.60.29..From: <sip:0814094966@202.
  129.60.29:5060>;tag=3477214985-111498..To: 24026098 <sip:24026098@202.129.60.29>;tag=as093accb5..Call-ID: 239222-3477214985-111466@cat-msc1.mydomain.com..CSeq: 1 I
  NVITE..User-Agent: Asterisk PBX..Allow: INVITE, ACK, CANCEL, OPTIONS, BYE, REFER, SUBSCRIBE, NOTIFY, INFO..Supported: replaces..Contact: <sip:24026098@192.168.1.4>
  ..Content-Type: application/sdp..Content-Length: 261....v=0..o=root 11571 11571 IN IP4 192.168.1.4..s=session..c=IN IP4 192.168.1.4..t=0 0..m=audio 15470 RTP/AVP 1
  8 101..a=rtpmap:18 G729/8000..a=fmtp:18 annexb=no..a=rtpmap:101 telephone-event/8000..a=fmtp:101 0-16..a=silenceSupp:off - - - -..a=ptime:20..a=sendrecv..
#
U 202.129.60.29:5060 -> 192.168.1.4:5060
  CANCEL sip:24026098@192.168.1.4:5060 SIP/2.0..Max-Forwards: 70..To: 24026098 <sip:24026098@202.129.60.29>..From: <sip:0814094966@202.129.60.29:5060>;tag=3477214985
  -111498..Contact: <sip:0814094966@202.129.60.29:5060;tgrp="cat-non-ss7">..Call-ID: 239222-3477214985-111466@cat-msc1.mydomain.com..CSeq: 1 CANCEL..Via: SIP/2.0/UDP
   202.129.60.29:5060;branch=z9hG4bKba9d1f444fd802716345227755014053..Content-Length: 0....
#
U 192.168.1.4:5060 -> 202.129.60.29:5060
  SIP/2.0 487 Request Terminated..Via: SIP/2.0/UDP 202.129.60.29:5060;branch=z9hG4bKba9d1f444fd802716345227755014053;received=202.129.60.29..From: <sip:0814094966@20
  2.129.60.29:5060>;tag=3477214985-111498..To: 24026098 <sip:24026098@202.129.60.29>;tag=as093accb5..Call-ID: 239222-3477214985-111466@cat-msc1.mydomain.com..CSeq: 1
   INVITE..User-Agent: Asterisk PBX..Allow: INVITE, ACK, CANCEL, OPTIONS, BYE, REFER, SUBSCRIBE, NOTIFY, INFO..Supported: replaces..Content-Length: 0....
#
U 192.168.1.4:5060 -> 202.129.60.29:5060
  SIP/2.0 200 OK..Via: SIP/2.0/UDP 202.129.60.29:5060;branch=z9hG4bKba9d1f444fd802716345227755014053;received=202.129.60.29..From: <sip:0814094966@202.129.60.29:5060
  >;tag=3477214985-111498..To: 24026098 <sip:24026098@202.129.60.29>;tag=as093accb5..Call-ID: 239222-3477214985-111466@cat-msc1.mydomain.com..CSeq: 1 CANCEL..User-Ag
  ent: Asterisk PBX..Allow: INVITE, ACK, CANCEL, OPTIONS, BYE, REFER, SUBSCRIBE, NOTIFY, INFO..Supported: replaces..Content-Length: 0....
#
U 202.129.60.29:5060 -> 192.168.1.4:5060
  ACK sip:24026098@192.168.1.4:5060 SIP/2.0..Max-Forwards: 70..From: <sip:0814094966@202.129.60.29:5060>;tag=3477214985-111498..To: 24026098 <sip:24026098@202.129.60
  .29>;tag=as093accb5..Call-ID: 239222-3477214985-111466@cat-msc1.mydomain.com..CSeq: 1 ACK..Via: SIP/2.0/UDP 202.129.60.29:5060;branch=z9hG4bKba9d1f444fd80271634522
  7755014053..Content-Length: 0....


นี่อีกอันตอนโทรเข้าครับ

โค้ด: เลือกทั้งหมด

-- Executing [24026098@from-internal:1] ResetCDR("SIP/from-trunk-CATIN-b7203270", "") in new stack
    -- Executing [24026098@from-internal:2] NoCDR("SIP/from-trunk-CATIN-b7203270", "") in new stack
    -- Executing [24026098@from-internal:3] Wait("SIP/from-trunk-CATIN-b7203270", "1") in new stack
    -- Executing [24026098@from-internal:4] Playback("SIP/from-trunk-CATIN-b7203270", "silence/1&cannot-complete-as-dialed&check-number-dial-again|noanswer") in new stack
    -- <SIP/from-trunk-CATIN-b7203270> Playing 'silence/1' (language 'en')
    -- <SIP/from-trunk-CATIN-b7203270> Playing 'cannot-complete-as-dialed' (language 'en')
    -- <SIP/from-trunk-CATIN-b7203270> Playing 'check-number-dial-again' (language 'en')
    -- Executing [24026098@from-internal:5] Wait("SIP/from-trunk-CATIN-b7203270", "1") in new stack
  == Spawn extension (from-internal, 24026098, 5) exited non-zero on 'SIP/from-trunk-CATIN-b7203270'
    -- Executing [h@from-internal:1] Macro("SIP/from-trunk-CATIN-b7203270", "hangupcall") in new stack
    -- Executing [s@macro-hangupcall:1] GotoIf("SIP/from-trunk-CATIN-b7203270", "1?skiprg") in new stack
    -- Goto (macro-hangupcall,s,4)
    -- Executing [s@macro-hangupcall:4] GotoIf("SIP/from-trunk-CATIN-b7203270", "1?skipblkvm") in new stack
    -- Goto (macro-hangupcall,s,7)
    -- Executing [s@macro-hangupcall:7] GotoIf("SIP/from-trunk-CATIN-b7203270", "1?theend") in new stack
    -- Goto (macro-hangupcall,s,9)
    -- Executing [s@macro-hangupcall:9] Hangup("SIP/from-trunk-CATIN-b7203270", "") in new stack
  == Spawn extension (macro-hangupcall, s, 9) exited non-zero on 'SIP/from-trunk-CATIN-b7203270' in macro 'hangupcall'
  == Spawn extension (from-internal, h, 1) exited non-zero on 'SIP/from-trunk-CATIN-b7203270'
    -- Executing [24026098@from-internal:1] ResetCDR("SIP/from-trunk-CATIN-b7204898", "") in new stack
    -- Executing [24026098@from-internal:2] NoCDR("SIP/from-trunk-CATIN-b7204898", "") in new stack
    -- Executing [24026098@from-internal:3] Wait("SIP/from-trunk-CATIN-b7204898", "1") in new stack
    -- Executing [24026098@from-internal:4] Playback("SIP/from-trunk-CATIN-b7204898", "silence/1&cannot-complete-as-dialed&check-number-dial-again|noanswer") in new stack
    -- <SIP/from-trunk-CATIN-b7204898> Playing 'silence/1' (language 'en')
    -- <SIP/from-trunk-CATIN-b7204898> Playing 'cannot-complete-as-dialed' (language 'en')
    -- <SIP/from-trunk-CATIN-b7204898> Playing 'check-number-dial-again' (language 'en')
    -- Executing [24026098@from-internal:5] Wait("SIP/from-trunk-CATIN-b7204898", "1") in new stack
  == Spawn extension (from-internal, 24026098, 5) exited non-zero on 'SIP/from-trunk-CATIN-b7204898'
    -- Executing [h@from-internal:1] Macro("SIP/from-trunk-CATIN-b7204898", "hangupcall") in new stack
    -- Executing [s@macro-hangupcall:1] GotoIf("SIP/from-trunk-CATIN-b7204898", "1?skiprg") in new stack
    -- Goto (macro-hangupcall,s,4)
    -- Executing [s@macro-hangupcall:4] GotoIf("SIP/from-trunk-CATIN-b7204898", "1?skipblkvm") in new stack
    -- Goto (macro-hangupcall,s,7)
    -- Executing [s@macro-hangupcall:7] GotoIf("SIP/from-trunk-CATIN-b7204898", "1?theend") in new stack
    -- Goto (macro-hangupcall,s,9)
    -- Executing [s@macro-hangupcall:9] Hangup("SIP/from-trunk-CATIN-b7204898", "") in new stack
  == Spawn extension (macro-hangupcall, s, 9) exited non-zero on 'SIP/from-trunk-CATIN-b7204898' in macro 'hangupcall'
  == Spawn extension (from-internal, h, 1) exited non-zero on 'SIP/from-trunk-CATIN-b7204898'
    -- Remote UNIX connection
    -- Remote UNIX connection disconnected


สังเกตุตรง Invite นะครับ เบอร์เป็น 24026xxx มันไม่มี 0 ข้างหน้า แต่ตอนคุณ nepenthes คอนฟิก Inbound Route ตรงช่อง DID Number มี 0 นำหน้าหน่ะครับ มันเลยถือว่าเป็นคนละเบอร์กัน ตัด 0 ข้างหน้าออกครับ

voip4share เขียน:สังเกตุตรง Invite นะครับ เบอร์เป็น 24026xxx มันไม่มี 0 ข้างหน้า แต่ตอนคุณ nepenthes คอนฟิก Inbound Route ตรงช่อง DID Number มี 0 นำหน้าหน่ะครับ มันเลยถือว่าเป็นคนละเบอร์กัน ตัด 0 ข้างหน้าออกครับ

ลองเอาออกแล้วครับ ยังไม่ได้เหมือนเดิม


จะเป็นผู้หญิงพูดประมาณ Your-Call-cannot-complete-as-dialed

ดูคอนฟิกก็ถูกนะครับ SIP Trunk ใช้ context=from-internal และเบอร์ Extension 100 ก็ context=from-internal เหมือนกัน

งั้นแก้ตรงที่เซ็ต Trunk ครับ ที่ USER Context ใส่ from-internal ไปเลย

ไม่ทราบว่าเป็น Elastix เวอร์ชั่นอะไรครับ ที่ผมลองเป็นเวอร์ชั่น 1.3 เก่าแล้ว ผมรู้สึกว่ามันจะไม่ได้ใช้ค่าตรง USER Context

voip4share เขียน:ดูคอนฟิกก็ถูกนะครับ SIP Trunk ใช้ context=from-internal และเบอร์ Extension 100 ก็ context=from-internal เหมือนกัน

งั้นแก้ตรงที่เซ็ต Trunk ครับ ที่ USER Context ใส่ from-internal ไปเลย

ไม่ทราบว่าเป็น Elastix เวอร์ชั่นอะไรครับ ที่ผมลองเป็นเวอร์ชั่น 1.3 เก่าแล้ว ผมรู้สึกว่ามันจะไม่ได้ใช้ค่าตรง USER Context

ลองเปลี่ยน USER Context ใส่ from-internal แล้วครับ อาการเดิมเลยพี่หนุ่ย
ตอนนี้ผมใช้ Elastix 1.6-12