ซึ่งออปชั่น "Force", "Yes", "Don't Care", "No", "Never" ผมเคยอธิบายไว้แล้วในบทความนี้ครับ ออปชั่นการบันทึกเสียง Call Recording ใน FreePBX จึงไม่ขออธิบายซ้ำอีกครับ
บทความนี้จะว่ากันด้วยออปชั่น "On Demand Recording" ครับหรือจะเรียกว่า "One Touch Recording" ก็ได้ ซึ่งทำให้เรามีออปชั่นในการบันทึกเสียงสนทนาเพิ่มมากขึ้นไปอีก
ดีฟอลท์คือ "Disable" หมายถึงบันทึกเสียงแบบ On-Demand ไม่ได้ ไม่ว่าออปชั่นจะเป็น "Force", "Yes", "Don't Care", "No" หรือ "Never" ก็ตาม ถ้ากดปุ่ม Feature Code เพื่อบันทึกเสียง (ดีฟอลท์คือ *1) จะได้ยินเสียง "access denied"
ถ้า On Demand เป็น "Enable" และออปชั่นการบันทึกเสียงเป็น "Yes", "No" หรือ "Don't Care" เบอร์ Extension สามารถกดปุ่ม Feature Codes (ดีฟอลท์คือ *1) เพื่อบันทึกหรือหยุดบันทึกเสียงได้ ถ้าออปชั่นการบันทึกเสียงเป็น "Force" หรือ "Never" แม้ว่า On Demand จะเป็น "Enable" ก็ตาม เบอร์ Extension จะไม่สามารถกดปุ่มเพื่อบันทึกหรือหยุดบันทึกได้ ถ้าลองกด *1 จะได้ยินเสียงว่า "access denied"
ถ้า On Demand เป็น "Override" เบอร์ Extension นั้นสามารถกด *1 เพื่อเริ่มหรือหยุดบันทึกเสียงได้ ไม่ว่าออปชั่นการบันทึกเสียงจะเป็น "Force," "Yes," "Don't Care," "No," หรือ "Never" ก็ตาม
สุดท้ายครับ วัด priority (ลำดับความสำคัญ) กัน ใครมีมากกว่าก็เอาตามคนนั้น ดูรูปก่อน เดี๋ยวจะอธิบายให้ครับ
ถ้า Extensions สองเบอร์โทรหากัน เบอร์หนึ่งเป็น Force และมี Priority=10 ส่วนอีกเบอร์เป็น Never และมี Prority=10 เท่ากัน จะบันทึกเสียงหรือไม่ขึ้นอยู่กับการตั้งค่า "Call Recording Policy" ในเมนู "FreePBX -> Settings -> Advanced Settings" ครับ ซึ่งค่าดีฟอลท์คือ "Caller" เอาตามคนโทรออกครับ ดังนั้นสายนี้จะ "บันทึก" ครับ
ถ้า Caller มี Force, Priority=10 ส่วน Callee มี Never, Priority=11 แบบนี้จะเอาตาม Callee ครับเพราะมี Priority สูงกว่า
บทความที่เกี่ยวข้อง
เทคนิคการเปลี่ยนชื่อ hostname ของเครื่อง FreePBX
ออปชั่นการบันทึกเสียง Call Recording ในหน้าเว็บ FreePBX
เทคนิคการเปลี่ยนชื่อ hostname ของเครื่อง FreePBX
เทคนิคการตั้ง Root Password ของ MySQL
เทคนิคการติดตั้ง phpMyAdmin บน FreePBX